Translate

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

การพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง

สรุปบทเรียนการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง


ตามโครงการฝึกอบรมแกนนำหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ซึ่งได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมจำนวน ๔ วัน
ในระว่างวันที่ ๒๑-๒๔ ธันวาคม  ๒๕๕๗  ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ตำบลหนองบอนแดง
อำเภอบ้านบึง  จังหวัดชลบุรี
…………………………………………………………………………..
ลงทะเบียน
ได้รับการต้อนรับจากคณะวิทยากร จากศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง เข้าที่พัก,ลงทะเบียน,เขียนประวัติส่วนตัว
ปฐมนิเทศ
ทราบถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ,แนะนำสถานที่ต่าง ๆ งานของมูลนิธิ ประวัติ  หลักสูตรการฝึกอบรมและให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เขียนความคาดหวังของการอบรม  /กระบวนการกลุ่ม การละลายพฤติกรรม,เกมส์ต่าง ๆ การแบ่งกลุ่มสี,ตั้งชื่อบ้าน  การรับประทานอาหาร (อิ่มท้องอย่างเป็นระเบียบ) ทุกคนจะต้องเข้าแถวเพื่อตักอาหารหลังจากรับประทานอาหารเสร็จต้องล้างจาน,แก้วน้ำด้วยตนเอง เข้าแถวเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติ  ท่องคำปฏิญาณ , สวดมนต์เข้านอน   มอบหมายภารกิจ(เวรประจำวันของแต่ละกลุ่มสี) ซึ่งเป็นการฝึกให้ช่วยเหลือตนเองสร้างระเบียบวินัยของการอยู่ร่วมกัน
การให้ความรู้ตามหลักสูตร
๑. เกษตรอินทรีย์
ทำให้ทราบถึงข้อดีของการทำเกษตรอินทรีย์ ไม่ต้องใช้ปุ๋ย ใช้สารเคมี ทำให้น้ำ ดินอุดมสมบูรณ์  และได้เชื่อมโยงถึงการทำเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบัน ยกตัวอย่างการทำนา เป็นการทำนาในเชิงธุรกิจมากขึ้น เร่งการผลิต โดยการใส่ปุ๋ยเคมี  เมื่อเกิดโรคระบาดก็ใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง ส่งผลกระทบต่อตัวเอง เรื่องสุขภาพ ดิน น้ำ อากาศ เพิ่มค่าใช้จ่าย สิ่งที่ตามมาคือหนี้สิน
๒. หลักการทำกสิกรรมธรรมชาติ
-          การห่มดิน,ปรุงอาหารเลี้ยงดินเอาฟางห่มดินให้หนาเพื่อรักษาความชื้นให้กับดิน  จุลินทรีย์ในดิน
จะขยายตัว  รากของต้นไม้จะชอนไชไปในดินได้ง่าย  ตามด้วยปุ๋ยแห้งจำพวกมูลสัตว์โรยทับ  แม้จะไม่ถึงดินโดยตรง  แต่ความชื้นจะค่อยๆ ดึงปุ๋ยลงสู่ดิน ดินก็จะย่อยสลาย
-          การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ภายใต้หลักกสิกรรมธรรมชาติที่ว่า “เลี้ยงดิน  เพื่อให้ดินเลี้ยงพืช”   ปุ๋ย
อินทรีย์ชีวภาพให้คุณค่าทางธาตุอาหารโดยตรงแก่พืช และกระตุ้นให้จุลินทรีย์ในดินสร้างอาหาร ซึ่งได้สอนวิธีการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ
-          สมุนไพรในการเกษตรการนำสมุนไพรมาใช้ในการควบคุมโรคพืชและแมลงศัตรู โดยสรรพคุณของตัวยาสมุนไพรที่ใช้ใน
การเกษตรแบ่งออกตามรส ๕ รส คือ
1.       สมุนไพรรสขม  ฆ่าเชื้อแบคทีเรียป้องกันแมลง เช่นฟ้าทะลายโจร สะเดา บอระเพ็ด
2.       สมุนไพรรสเบื่อเมา ฆ่าหนอนเพลี้ย เช่น ใบน้อยหน่า หนอนตายอยาก หางไหล สลัดได พญาไร้ใบ
3.       สมุนไพรที่มีรสฝาด แก้เชื้อราโรคพืช เช่น เปลือกแค เปลือกมังคุด ใบฝรั่ง ใบทับทิม
4.       สมุนไพหอมระเหย ไล่แมลง เช่น ตะไคร้หอม สาบเสือ โหระพา กระเพรา กระทกรก
5.       สมุนไพรรสเปรี้ยว ไล่แมลง แสบร้อน เช่น เปลือกส้ม มะกรูด มะนาว มะขาม

๓. กิจกรรมป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง
๑. ปลูกเพื่อให้เกิดความเพียงพอในด้านพออยู่ เช่น การปลูกต้นไม้สำหรับใช้เนื้อไม้มาปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เช่น ไม้ตะเคียนทอง สัก ยางนา มะฮอกกานี กระถินเทพา จำปาทอง ฯลฯ
           ๒. ปลูกเพื่อให้เกิดความเพียงพอในด้านการพอกิน เช่น การปลูกต้นไม้สำหรับใช้กิน เป็นอาหาร เป็นยาสมุนไพรเป็นเครื่องดื่ม ตลอดจนพืชที่ปลูกเพื่อการค้าขายผลผลิตเพื่อดำรงชีพ เช่น ไม้ผลต่างๆ ได้แก่ เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง มะม่วง ฯลฯ ไม้ที่ให้ผลผลิตเพื่อขาย เช่น ปาล์ม มะพร้าว ยางพารา ฯลฯ
          ๓. ปลูกเพื่อให้เกิดความเพียงพอในด้านการพอใช้ เช่น ปลูกต้นไม้สำหรับใช้สอยในครัวเรือน ใช้พลังงาน ใช้เป็นเครื่องมือต่างๆ ในการประกอบอาชีพ ได้แก่ ไม้ไผ่ หวาย สำหรับจักสานเป็นเครื่องเรือน ของใช้ ฯลฯ ไม้โตเร็วบางชนิดที่ใช้เป็นไม้ฟืน ถ่าน ไม้พลังงาน เช่น สบู่ดำ ปาล์ม ฯลฯ ไม้ทำเครื่องมือการเกษตร ได้แก่ การทำด้ามจอบ มีดขวาน รถเข็น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ ฯลฯ
ประโยชน์ ต่อระบบนิเวศ สร้างความสมบูรณ์และก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ป่า

๔. เรียนรู้เรื่องการพึ่งตนเองและลงมือปฏิบัติจริง
1.       ฐานรักษ์แม่ธรณี
ให้ความรู้การนำสมุนไพรมาใช้ในการควบคุมโรคพืชและแมลงศัตรู โดยให้รู้สรรพคุณของตัวยา
สมุนไพรที่ใช้ในการเกษตรแบ่งออกตามรส ๕ รส วิทยากรจะให้แต่ละกลุ่ม ๕ กลุ่ม ๕ รสตามสมุนไพร  ไปหาพืชในป่าที่ตรงกับที่ได้รับมอบหมายแล้วนำมาหมักตามสูตร
2.       ฐานคนเอาถ่าน
          จาก ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง เราจะต้องปลูกต้นไม้ให้เป็นทุนก่อน เมื่อต้นไม้โตมีแขนงงอก
ออกมาก็ตัดมาเผาถ่าน  การเผาถ่านนอกจากได้ถ่านแล้ว ยังได้น้ำส้มควันไม้ใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร  ขี้เถ้านำมาเป็นน้ำด่างผสมทำน้ำยาล้างจาน ถ้าเป็นถ่านไม้ไผ่ สามารถทำเป็นสบู่ระงับกลิ่นตัว ดูดกลิ่น
3.       ฐานคนมีน้ำยา
เป็นการให้ความรู้ในการผลิตของใช้ในครัวเรือนเพื่อเป็นการลดรายของครอบครัว โดยเฉพาะ
รายจ่ายสำหรับซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า แชมพู ซึ่งในแต่ละเดือนต้องจ่ายเงินซื้อจำนวนไม่น้อย การทำของใช้จากผลผลิตที่มีอยู่ในชุมชน เช่น การทำน้ำยาล้างจานด้วยมะกรูด,น้ำด่างจากขี้เถ้า,มะนาว, การทำน้ำยาซักผ้าด้วยเปลือกสับปะรดลการทำสบู่ด้วยเปลือกมังคุด,การทำแชมพูด้วยดอกอัญชัน  เป็นต้น
4.       ฐานคนมีไฟ
เป็นการนำน้ำมันจากการทอดที่ไม่ใช้แล้ว มาสกัดน้ำมันไบโอแก็ส ซึ่งประโยชน์เป็นการลงทุนต่ำ
 รักษาสภาพแวดล้อม


๕. ลงแปลงปลูกป่า ๕ ระดับ
อ.วิวัฒน์ได้ถ่ายทอดประสบการณ์  สภาพดิน ๔๐ ไร่นั้น  เป็นดินที่ตายแล้วจากการใช้ปลูกพืช
เชิงเดี่ยวและใช้สารเคมีมาเป็นเวลานาน  เขาต้องทำให้ดินฟื้นคืนชีพกลับมาก่อน  ด้วยเทคนิคการปลูกไม้ ๕ ระดับ ตามชั้นความสูงของไม้ซึ่งได้มาจากการสังเกตธรรมชาติของป่าคือ
๑. ไม้ระดับสูง เช่น ตะเคียน ยางนา มะค่าโมง สะตอ มะพร้าว
          ๒. ไม้ระดับกลาง เช่น ผักหวานป่า ติ้ว พลู กำลังเสือโคร่ง กล้วย
          ๓. ไม้พุ่มเตี้ย เช่น ผักหวานบ้าน มะนาว พริกไทย ย่านาง เสาวรส
          ๔. ไม้เรี่ยดิน  เช่น  ผักเสี้ยน  มะเขือเทศ สะระแหน่
          ๕. ไม้หัวใต้ดิน  เช่น ข่า ตะไคร้ ไพล เผือก มัน บุก กลอย
เมื่อปลูกไม้ครบทั้ง ๕ ระดับแล้ว เอาฟางห่มดินให้หนาเพื่อรักษาความชื้นให้กับดิน  จุลินทรีย์ในดินจะขยายตัว  รากของต้นไม้จะชอนไชไปในดินได้ง่าย  ตามด้วยปุ๋ยแห้งจำพวกมูลสัตว์โรยทับ  แม้จะไม่ถึงดินโดยตรง  แต่ความชื้นจะค่อยๆ ดึงปุ๋ยลงสู่ดิน ดินก็จะย่อยสลาย
          แต่ละกลุ่มจะได้พันธุ์ไม้ อุปกรณ์ในการปลุก และกำหนดพื้นที่ปลูกให้ และให้แยกว่าพันธุ์ไม้ที่ให้มาเป็นไม้ระดับไหน และให้ห่มดิน,ปรุงอาหารเลี้ยงดิน

๖. เข้าป่าหาอาหารกินเอง
          ในกิจกรรมนี้ เป็นการให้แต่ละกลุ่มออกไปหาอาหาร(มื้อเย็น) ที่มีอยู่ในป่า โดยวิทยากรจะให้อุปกรณ์มาเป็นบางส่วน  อีกบางส่วนจะอยู่ที่กองกลาง ใครขาดอะไร ต้องการอะไร ก็ต้องมีวิธีการขอ มีการแลกเปลี่ยนกัน บางกลุ่มมีอีกอย่าง บางกลุ่มขาด  กิจกรรมนี้เป็นการฝึกการช่วยเหลือตนเองในกรรีที่เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ ภัยธรรมชาติ ทุกคนจะต้องช่วยเหลือตนเองและครอบครัวให้ได้เพื่อการอยู่รอด ร่วมทั้งการอยู่ในสังคมร่วมกัน ความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การใช้ประโยชน์จากของที่มีอยู่ให้คุ้มค่า 
๗. มอบวุฒิบัติ

๗. มอบวุฒิบัติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรียน สมาชิกและผู้เยี่ยมชมทุกท่าน ทางผู้เขียนบล็อกขอเรียนให้ทราบว่า เราได้เปิดให้ทุกท่านที่มีบัญชีของ Google เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ด้วยถ้อยคำที่สุภาพเชิงสร้างสรรค์ เพียงเท่านั้น